10 ปัญหาที่เจ้าของบ้านมักจะละเลยก่อนที่จะเริ่มงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
- sccraftsc
- Sep 28
- 1 min read
1. ไม่ได้คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานในระยะยาว (Future-Proofing)
เจ้าของบ้านมักออกแบบตามความต้องการในปัจจุบัน แต่ลืมคิดถึงการใช้งานใน 3-5 ปีข้างหน้า เช่น:
ตู้เสื้อผ้า: ไม่ได้เผื่อช่องเก็บผ้าห่มขนาดใหญ่ หรือไม่ได้เผื่อช่องสำหรับชุดที่ต้องแขวนยาวขึ้นเมื่อมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้น
ชั้นวางทีวี/โต๊ะทำงาน: ไม่ได้เผื่อช่องสำหรับวางเครื่องเกมคอนโซล หรืออุปกรณ์ทำงานใหม่ๆ ที่อาจจะเพิ่มมาในอนาคต
2. ละเลยการวางแผนงานระบบไฟฟ้าและประปาที่ซ่อนอยู่
บิ้วอินที่ดีต้องผนวกเข้ากับงานระบบอย่างแนบเนียน แต่หลายคนไม่ได้กำหนดตำแหน่งปลั๊ก สวิตช์ หรือจุดเดินสายไฟ/ท่อประปาให้สอดคล้องกับแบบบิ้วอินตั้งแต่แรก ทำให้:
ปลั๊กไฟ: ถูกบิ้วอินบังไปทั้งแผง หรือปลั๊กอยู่สูง/ต่ำจนเกินไปเมื่อใช้งานจริง
ช่องสายไฟ: ไม่มีช่องร้อยสายไฟที่เพียงพอสำหรับซ่อนสายเคเบิล ทำให้ต้องเจาะรูเพิ่มหรือมีสายไฟห้อยรกรุงรัง
3. ไม่ได้ตรวจสอบวัสดุกันชื้น/กันปลวกในพื้นที่เสี่ยง
เจ้าของบ้านส่วนใหญ่มองที่ความสวยงามของผิวภายนอก (ลามิเนต, เมลามีน) แต่ละเลยวัสดุโครงสร้างภายใน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงอย่าง:
ครัว: ไม่ได้ระบุให้ใช้ ไม้อัดทนความชื้น (HMR) หรือพลาสวูด ในส่วนที่ต้องสัมผัสน้ำ ทำให้เกิดอาการบวมในระยะเวลาอันสั้น
พื้นติดผนัง: ไม่ได้ป้องกันหรือฉีดน้ำยากันปลวกบริเวณที่ตู้บิ้วอินติดกับพื้น/ผนัง
4. ไม่ได้กำหนดตำแหน่งและขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนทำแบบ
การบิ้วอินที่ผิดพลาดที่สุดคือการออกแบบตู้พอดีเป๊ะ แต่ลืมคำนึงถึงขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าจริงที่จะซื้อมาใส่ภายหลัง เช่น:
ตู้เย็น: ลืมเผื่อระยะเปิด-ปิดประตู, ช่องระบายความร้อนด้านหลัง/ด้านบน หรือขนาดความลึก
เตาอบ/ไมโครเวฟ: ไม่ได้กำหนดขนาดหน้ากว้างและหน้าสูงที่แน่นอนตามรุ่นที่ต้องการ ทำให้ติดตั้งไม่ได้หรือเหลือช่องว่างดูไม่สวยงาม
5. วัดขนาดพื้นที่เองแบบผิวเผินและไม่ละเอียด
การบิ้วอินต้องวัดขนาดพื้นที่จริง (On-Site Measurement) ที่แม่นยำมาก แต่เจ้าของบ้านหลายคนให้ขนาดคร่าวๆ แก่ผู้ออกแบบ หรือไม่ได้ตรวจสอบว่าช่างวัดเผื่อความเอียงของพื้น/ผนังหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้:
เฟอร์นิเจอร์ ติดตั้งไม่ได้ ต้องมีการตัดแก้หน้างาน (ซึ่งงานจะเนี๊ยบน้อยลง)
เกิด ช่องว่าง ระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับผนังที่ต้องมานั่งโป๊วหรือยาแนวเพิ่ม
6. เลือกผู้รับเหมาโดยพิจารณาจากราคาที่ถูกที่สุดเท่านั้น
การจ้างช่างที่ให้ราคาต่ำที่สุดโดยไม่ได้ตรวจสอบ ผลงานเก่า สเปควัสดุที่ใช้จริง และ ความน่าเชื่อถือ มักจะนำไปสู่:
งานติดตั้งหยาบ: รอยต่อไม่เนียน, บานพับฝืด, หน้าบานตก
การทิ้งงาน: ผู้รับเหมาหายตัวไปกลางคันเมื่อได้รับเงินงวดแรกๆ
ใช้วัสดุเกรดต่ำ ที่มีอายุการใช้งานสั้น
7. ลืมกำหนด "ฮาร์ดแวร์" ที่มีคุณภาพในสัญญา
ฮาร์ดแวร์ เช่น บานพับ รางลิ้นชัก และ มือจับ คือหัวใจของฟังก์ชันการใช้งาน หากใช้ฮาร์ดแวร์ราคาถูก (มักเกิดจากผู้รับเหมาตัดงบ) จะทำให้:
ลิ้นชักไม่ลื่นไหล หรือ ระบบ Soft-close (แบบปิดนุ่มนวล) เสียเร็ว
บานประตูตก หรือเปิดปิดลำบากภายใน 1-2 ปีแรก
8. ไม่ได้คิดเรื่อง "แสงไฟ" ภายในตู้หรือชั้นวาง
แสงไฟช่วยเพิ่มมิติและความสวยงามให้บิ้วอิน แต่เจ้าของบ้านส่วนใหญ่จะคิดแค่ไฟหลักในห้อง และลืม ไฟซ่อนในตู้เสื้อผ้า หรือ ไฟส่องชั้นวางของ ทำให้ตู้ดูมืดทึบ ไม่สวยงามตามแบบใน Pinterest หรือต้องมาเดินไฟเพิ่มภายหลังซึ่งยุ่งยาก
9. ไม่ได้ขอเอกสารสำคัญ (BOQ และแบบ 2D/3D) ที่ชัดเจน
หลายคนตกลงด้วยวาจา หรือดูแค่ภาพ 3D สวยๆ แต่ไม่ได้ขอเอกสารสำคัญที่ใช้ในการอ้างอิงและควบคุมงาน:
BOQ (Bill of Quantities): รายการระบุสเปควัสดุและปริมาณที่ชัดเจน (เช่น ไม้อัดกันชื้น, ลามิเนตยี่ห้อ...)
แบบ 2D (Production Drawing): แบบที่มีมิติการตัด การเจาะ และตำแหน่งบานพับที่แม่นยำสำหรับช่างผลิต
10. ลืมวางแผนการเคลียร์พื้นที่/การขนส่งในคอนโดมิเนียม
สำหรับเจ้าของคอนโดมักจะละเลยขั้นตอนการขออนุญาตทำงาน (Permit) และการขนย้ายวัสดุ:
ไม่ได้แจ้งนิติบุคคล: ไม่ได้ขออนุญาตตกแต่งหรือวางเงินประกันความเสียหาย ทำให้ช่างไม่สามารถเข้าทำงานได้
เวลาทำงาน: ช่างต้องทำงานเฉพาะในเวลาที่นิติฯ กำหนด และต้องใช้ลิฟต์ขนของ ซึ่งอาจทำให้ตารางงานล่าช้ากว่าที่คาดไว้มาก
Comments